GO Blog | EF ประเทศไทย
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเดินทาง ภาษา และวัฒนธรรมโดย EF Education First
Menuรับโบรชัวร์ฟรี

การเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? มาดูกันเลย

การเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? มาดูกันเลย

การเรียนในต่างประเทศคือประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ ซึ่งจะมอบโอกาสให้คุณได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ และขยายโลกทัศน์ของคุณ นับเป็นขั้นบันไดสู่อนาคตที่มีความเป็นสากลยิ่งขึ้น ทั้งในด้านส่วนตัวและในด้านอาชีพ แต่การเรียนในต่างประเทศก็เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่จำเป็นต้องมีการค้นคว้าหาข้อมูลและเตรียมตัวมากมาย ซึ่งรวมถึงการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณตั้งแต่ระดับแรกเริ่ม และบ่อยครั้งก็เป็นเรื่องของการวางแผนงบประมาณอย่างรอบคอบด้วย

เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษแห่งใดเหมาะสำหรับคุณและงบประมาณของคุณ เราจึงได้สรุปภาพรวมคร่าวๆ ของค่าใช้จ่ายในการศึกษาระดับปริญญาตรี ณ จุดหมายปลายทางในการเรียนต่อต่างประเทศยอดนิยม 3 แห่งสำหรับนักเรียนนานาชาติ ซึ่งได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร โปรดทราบว่า ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นของหลักสูตรระดับปริญญาตรีเท่านั้น และเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับนักศึกษานานาชาติในกรณีของสหราชอาณาจักร ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ นักศึกษาจากสหราชอาณาจักร/ สหภาพยุโรปยังคงชำระค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ามากสำหรับการเรียนปริญญาตรีในสหราชอาณาจักร ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในที่นี้อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) และให้ข้อมูลเป็นช่วงเท่านั้น (ค่าใช้จ่ายที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไป)

ออสเตรเลีย

ค่าเล่าเรียนอยู่ระหว่าง 27**,000****-43,000** ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ค่าครองชีพอยู่ระหว่าง 14,000-20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ออสเตรเลียคือจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเรียนนานาชาติมาเป็นเวลานาน เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง คุณภาพชีวิตที่ดี และทัศนียภาพอันสวยงาม นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังดึงดูดนักเรียนจำนวนมากเพราะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าสหรัฐอเมริกาเล็กน้อยด้วย

ค่าเล่าเรียนในออสเตรเลียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคอร์สที่คุณเรียน โดยวิชาสายศิลป์จะมีค่าเล่าเรียนถูกกว่าวิชาสายวิทย์ ตัวอย่างเช่น ที่ University of Melbourne ค่าเล่าเรียนจะอยู่ระหว่าง 20,000-38,000 ดอลลาร์สหรัฐ (โดยคณะด้านการแพทย์มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก) ในขณะที่ค่าเล่าเรียนของ University of Sydney อยู่ระหว่าง 28,000-43,000 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเล่าเรียนจะใกล้เคียงกันในเมืองที่เล็กกว่าอย่างบริสเบนและแครนเบอร์รา แต่ค่าครองชีพจะต่ำกว่าเล็กน้อย

กรมกิจการในประเทศของออสเตรเลีย (Australian Department of Home Affairs) แนะนำค่าครองชีพอย่างน้อย 14,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งไม่รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนที่นั่น เช่น วีซ่านักเรียน ประกันคุ้มครองสุขภาพนักเรียนต่างชาติ และการเดินทางระหว่างออสเตรเลียและประเทศบ้านเกิดของคุณ ในเมืองที่ใหญ่กว่าอย่างซิดนีย์ เมลเบิร์น และบริสเบน ค่าเช่าที่พักจะเป็นสัดส่วนใหญ่ในค่าครองชีพของคุณ ตามข้อมูลจากงานวิจัยโดย ICEF Monitor ออสเตรเลียมีค่าเช่าโดยเฉลี่ยติดอันดับสูงที่สุดในโลกอยู่ที่ประมาณ 255 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ในปี 2560

สหรัฐอเมริกา

ค่าเล่าเรียนอยู่ระหว่าง 41,000-56,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ค่าครองชีพอยู่ระหว่าง 14,000-22,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

สหรัฐอเมริกาคือจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับการเรียนในต่างประเทศมาตลอด ด้วยมหาวิทยาลัย Ivy League อันทรงเกียรติอย่าง Harvard และ Yale รวมทั้งความเข้มงวดและความสมดุลของประสบการณ์ด้านวิชาการที่มหาวิทยาลัยเหล่านี้มอบให้ จึงทำให้จำนวนนักเรียนนานาชาติในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาเป็นจุดหมายปลายทางที่แพงที่สุดในบรรดาจุดหมายยอดนิยมในการเรียนต่อต่างประเทศ 3 แห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่จำนวนโอกาสที่คุณจะได้รับอาจช่วยให้คุณสามารถเติมเต็ม ‘อเมริกัน ดรีม’ ของคุณได้เช่นกัน ฉะนั้น จึงถือว่าคุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย

Columbia University ในนิวยอร์กและ University of Pennsylvania ในฟิลาเดลเฟียจัดอยู่ในกลุ่มสถาบันที่มีค่าเล่าเรียนแพงที่สุดอยู่ที่ 56,000 และ 53,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีตามลำดับ Harvard University ในเคมบริดจ์ตามมาติดๆ ด้วยค่าเล่าเรียนที่สูงถึง 46,000 ดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับ UCLA ในลอสแอนเจลิส

เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบว่า มหาวิทยาลัยสหรัฐ 7 แห่งมีนโยบายรับสมัครนักศึกษานานาชาติโดยไม่คำนึงถึงสถานะทางการเงินของผู้สมัคร ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัย Harvard, Princeton และ Yale ซึ่งหมายความว่า ทางมหาวิทยาลัยจะตอบสนองความต้องการด้านการเงิน เพื่อให้ค่าเล่าเรียนของคุณอยู่ในระดับที่คุณสามารถจ่ายได้ โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังของคุณ การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการเรียนในสหรัฐอเมริกา และการมองหาทุนการศึกษาและความช่วยเหลือด้านการเงินที่เป็นไปได้ก็เป็นส่วนสำคัญของการจัดการด้านการเงิน

ในแง่ของค่าครองชีพและค่าเช่า เมือง 3 แห่งที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ บอสตัน นิวยอร์ก และลอสแอนเจลิส ตามข้อมูลจากงานวิจัยโดย ICEF Monitor ค่าเช่าโดยเฉลี่ยในบอสตันสูงถึง 464 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ ในขณะที่ค่าครองชีพโดยเฉลี่ยต่อปีในนิวยอร์ก บอสตัน หรือลอสแอนเจลิสจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-22,000 ดอลลาร์สหรัฐ การเรียนในมิชิแกนหรือฟิลาเดลเฟียจะช่วยให้คุณประหยัดได้พอสมควร ด้วยงบประมาณโดยเฉลี่ยประมาณ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

สหราชอาณาจักร

ค่าเล่าเรียนอยู่ระหว่าง 20,000-41,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ค่าครองชีพอยู่ระหว่าง 8,000-19,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

สหราชอาณาจักรได้ชื่อว่าเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึง Oxford และ Cambridge อีกทั้งยังมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่เข้มข้น ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักเรียนนานาชาติ

โดยทั่วไป ค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษานานาชาติในระดับปริญญาตรีอยู่ที่ประมาณ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ที่ Oxford University และ University of Edinburgh ค่าเล่าเรียนจะอยู่ระหว่าง 20,000-41,000 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับสาขาวิชา (วิชาสายวิทย์มักแพงกว่า) ในขณะที่ London School of Economics มีค่าใช้จ่ายประมาณ 24,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีในทุกสาขาวิชา

นอกเหนือจากค่าเล่าเรียนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาแล้ว คอร์สเรียนระดับปริญญาในสหราชอาณาจักรยังสั้นกว่าด้วย จึงช่วยลดค่าใช้จ่าย ปริญญาตรีในสหรัฐอเมริกาใช้เวลา 4 ปี ในขณะที่ในสหราชอาณาจักรใช้เวลาเพียง 3 ปี โดยทั่วไป หลักสูตรปริญญาโทใช้เวลา 1 ปี ทำให้สามารถเรียนจบทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทได้ภายในเวลา 4 ปีในสหราชอาณาจักร

เมืองทางเหนือมีแนวโน้มที่จะมีค่าครองชีพถูกกว่าเมืองทางใต้ โดยลอนดอนเป็นเมืองที่แพงที่สุดในสหราชอาณาจักร เอดินเบิร์กและนิวคาสเซิลถือว่าคุ้มค่าในแง่ของค่าครองชีพ ในขณะที่บริสตอลและออกซ์ฟอร์ดถูกกว่าลอนดอนเพียงเล็กน้อย นี่คือสิ่งสำคัญที่ควรจดจำไว้เมื่อคุณตัดสินใจว่าจะไปเรียนที่ไหน และจะจัดสรรงบประมาณอย่างไร

ปรับพื้นฐานภาษาก่อนเข้ามหาวิทยาลัยปรึกษาเรา
รับจดหมายข่าวเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ภาษา และวัฒนธรรมลงทะเบียน

เปิดโลกกว้างและเรียนภาษาที่ต่างประเทศ

เรียนรู้เพิ่มเติม